ผอ.สำนักส่งเสริมระบบขนส่งเปิดเผยความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดภูเก็ต
Post By: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต/ข่าว/ภาพ
ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมระบบการขนส่งและจราจรในภูมิภาค สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ระบุรัฐบาลให้ความสำคัญ เร่งดำเนินการ รถไฟฟ้ารางเบาภูเก็ต คาด เปิดให้บริการได้ในปี 2566 หวังแก้ปัญหาจราจรอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว
นายนิรันดร์ เกตุแก้ว ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมระบบการขนส่งและจราจรในภูมิภาค สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เปิดเผยความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดภูเก็ต ภายหลังเข้าร่วมประชุม กรอ.จังหวัดภูเก็ต ว่า โครงการรถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการตามแผนงานโครงการมาอย่างต่อเนื่องโดยเมื่อปี 2560 สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้มาศึกษาและออกแบบ ระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดภูเก็ต เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหาการจราจรของเมืองใหญ่ๆในประเทศไทย อาทิ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ,จังหวัดเชียงใหม่,จังหวัดขอนแก่น,จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแรกๆที่โครงการนี้เข้ามาเริ่มดำเนินการเนื่องจาก จังหวัดภูเก็ตประสบปัญหาด้านการจราจร ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ จากการที่สนข. ลงพื้นที่มาศึกษาและออกแบบระบบขนส่งมวลชน ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พบว่าระบบรถไฟฟ้ารางเบา เป็นระบบที่ที่สามารถรองรับการเจริญเติบโตของเมืองภูเก็ตและมีศักยภาพที่จะให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ โดยได้ดำเนินการศึกษาแล้วเสร็จเมื่อปี 2560 และได้นำเรื่องนี้รายงานไปยังกระทรวงคมนาคม รายงานไปยังคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์)เป็นประธาน โดยในส่วนของกระทรวงคมนาคมและคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกได้ผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้โครงการนี้เกิดขึ้นได้โดยเร็ว ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รับเป็นเจ้าของโครงการ เพื่อดำเนินการ มาตั้งแต่ปลายปี 2560 ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง รฟม.ได้ลงมาในพื้นที่เพื่อพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำแบบที่ สนข.ศึกษา มาวิเคราะห์ และ รฟม.ได้เริ่มศึกษา วางแผนการร่วมทุน PPP กับภาคเอกชนซึ่งขั้นตอนนี้ใกล้จะเสร็จแล้ว กำลังจะได้ข้อยุติเรื่องของการร่วมทุน จากนั้นจะนำเรื่องรายงานกระทรวงคมนาคม และรฟม.จะเร่งดำเนินการในเรื่องของการจัดทำเอกสารการประกวดราคา เพื่อเริ่มกระบวนการ ก่อสร้างโครงการ ฯ เมื่อเอกสารประกวดราคาแล้วเสร็จ จะทำการขออนุมัติ เอกสารประกวดราคาจากนั้น ดำเนินการจัดประกวดราคา เพื่อหาผู้ร่วมลงทุนก่อสร้าง โครงการ รถไฟฟ้ารางเบา โดยทั้งหมดกำลังดำเนินการกันอยู่ โดยมีห้วงระยะเวลา การดำเนินการในปี 2562 และคาดว่าในปี 2563 จะได้ผู้ร่วมทุนเพื่อก่อสร้างโครงการฯ โดยจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 3 ปี หากเสร็จสิ้นในปลายปี 2565 จากนั้นต้นปี 2566 จะเป็นการทดสอบการวิ่งและการให้บริการ จึงสรุปได้ว่าหากแผนดังกล่าวเป็นไปตามที่กล่าวมา ชาวจังหวัดภูเก็ตและนักท่องเที่ยวจะได้ใช้บริการขนส่งมวลชนระบบรถไฟฟ้ารางเบาในปี 2566 อย่างแน่นอน
นายนิรันดร์ เกตุแก้ว ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมระบบการขนส่งและจราจรในภูมิภาค กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบรถไฟฟ้ารางเบา ของประเทศไทย ในอดีตคือรถรางในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ในปัจจุบันมีระบบที่ทันสมัยมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นและใช้สำหรับในเมือง ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตมีความพิเศษ คือกำหนดเส้นทางการวิ่ง เพื่อให้บริการพื้นที่ นอกเมืองด้วย
ดังนั้นระบบรถไฟฟ้ารางเบาของจังหวัดภูเก็ตจะทำความเร็วได้และสามารถวิ่งช้าในเมืองได้ รองรับเส้นทางสายหลักของจังหวัดภูเก็ตคือ ถนนทางหลวง 402 ซึ่งจากการสำรวจพบว่าประชาชน 2 ข้างทางมีจำนวนมากเส้นทางการวิ่งของรถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดภูเก็ตผ่านชุมชน และโรงเรียนถึง 40 โรงเรียนนั่นหมายความว่าพี่น้องประชาชนนักเรียนนักศึกษาจะได้ใช้บริการ ระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบาซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวก ให้แก่ประชาชน ในเมือง และจะทำให้รถยนต์ส่วนบุคคลในเมืองลดลง ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวที่ ลงที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต ก็สามารถใช้ระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบาเพื่อเดินทางเข้าไปในเมืองภูเก็ตหรือไปต่อบริการรถ โดยสารสาธารณะเพื่อไปสู่แหล่งท่องเที่ยว อื่นๆได้ และคาดว่าหลังจากระบบรถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดภูเก็ตเปิดให้บริการจะทำให้เกิดความคล่องตัวด้านการจราจรในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จากข้อมูลพบว่าในปัจจุบันประชาชนหันมาให้ความสนใจใช้บริการ รถไฟฟ้ารางเบา หรือ ระบบรางเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นชาวภูเก็ตจะต้องมีการปรับตัว ปรับวิธีการเดินทาง ปรับการอยู่ร่วมกันระหว่างรถขนส่งมวลชน รถไฟฟ้ารางเบากับ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถขนส่งสาธารณะ และคนเดินถนน โดยเฉพาะในเขตเมือง เนื่องจาก พื้นที่ จังหวัดภูเก็ต มีเขตทางที่จำกัด ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่รถไฟฟ้ารางเบาเข้าสู่ตัวเมือง รถยนต์ในพื้นที่ จะช่วยหลีก หยุดหรือชะลอความเร็วเพื่อให้รถไฟฟ้ารางเบาไปก่อนเนื่องจากบรรทุกคนมา 200-300 คน ซึ่งในประเด็นนี้ สนข.จะเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องเพราะจังหวัดภูเก็ตถือเป็นจังหวัดแรกที่มีการนำระบบรถไฟฟ้ารางเบามาให้บริการประชาชน ซึ่งช่วงแรกๆประชาชนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยแต่จะค่อยๆปรับตัวกันไป และสุดท้ายก็จะอยู่ร่วมกันได้ และจะทำให้บ้านเมืองของ จังหวัดภูเก็ต น่าอยู่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามหลังจากนี้รฟม. จะลงมาในพื้นที่อีกครั้งหนึ่งเพื่อมารับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการกำหนดสถานีจุดจอดรถไฟฟ้ารางเบาให้มีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชน
สำหรับรถไฟฟ้ารางเบา มีแผนการก่อสร้างช่วงแรก ระยะทาง 41.70 กิโลเมตร จะเปิดบริการช่วงแรกปลายปี 2565 หรือไม่เกินต้นปี 2566 งบประมาณการดำเนินการ 30,154 ล้านบาท โดยทั้งโครงการจะก่อสร้างระยะทางรวม 58.52 กิโลเมตร เปิดบริการได้ทั้งหมดในปี 2567 รวมงบทั้งโครงการทั้งสิ้น 39,406 ล้านบาท
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต/ข่าว/ภาพ
นายนิรันดร์ เกตุแก้ว ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมระบบการขนส่งและจราจรในภูมิภาค สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เปิดเผยความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดภูเก็ต ภายหลังเข้าร่วมประชุม กรอ.จังหวัดภูเก็ต ว่า โครงการรถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการตามแผนงานโครงการมาอย่างต่อเนื่องโดยเมื่อปี 2560 สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้มาศึกษาและออกแบบ ระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดภูเก็ต เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหาการจราจรของเมืองใหญ่ๆในประเทศไทย อาทิ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ,จังหวัดเชียงใหม่,จังหวัดขอนแก่น,จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแรกๆที่โครงการนี้เข้ามาเริ่มดำเนินการเนื่องจาก จังหวัดภูเก็ตประสบปัญหาด้านการจราจร ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ จากการที่สนข. ลงพื้นที่มาศึกษาและออกแบบระบบขนส่งมวลชน ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พบว่าระบบรถไฟฟ้ารางเบา เป็นระบบที่ที่สามารถรองรับการเจริญเติบโตของเมืองภูเก็ตและมีศักยภาพที่จะให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ โดยได้ดำเนินการศึกษาแล้วเสร็จเมื่อปี 2560 และได้นำเรื่องนี้รายงานไปยังกระทรวงคมนาคม รายงานไปยังคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์)เป็นประธาน โดยในส่วนของกระทรวงคมนาคมและคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกได้ผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้โครงการนี้เกิดขึ้นได้โดยเร็ว ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รับเป็นเจ้าของโครงการ เพื่อดำเนินการ มาตั้งแต่ปลายปี 2560 ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง รฟม.ได้ลงมาในพื้นที่เพื่อพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำแบบที่ สนข.ศึกษา มาวิเคราะห์ และ รฟม.ได้เริ่มศึกษา วางแผนการร่วมทุน PPP กับภาคเอกชนซึ่งขั้นตอนนี้ใกล้จะเสร็จแล้ว กำลังจะได้ข้อยุติเรื่องของการร่วมทุน จากนั้นจะนำเรื่องรายงานกระทรวงคมนาคม และรฟม.จะเร่งดำเนินการในเรื่องของการจัดทำเอกสารการประกวดราคา เพื่อเริ่มกระบวนการ ก่อสร้างโครงการ ฯ เมื่อเอกสารประกวดราคาแล้วเสร็จ จะทำการขออนุมัติ เอกสารประกวดราคาจากนั้น ดำเนินการจัดประกวดราคา เพื่อหาผู้ร่วมลงทุนก่อสร้าง โครงการ รถไฟฟ้ารางเบา โดยทั้งหมดกำลังดำเนินการกันอยู่ โดยมีห้วงระยะเวลา การดำเนินการในปี 2562 และคาดว่าในปี 2563 จะได้ผู้ร่วมทุนเพื่อก่อสร้างโครงการฯ โดยจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 3 ปี หากเสร็จสิ้นในปลายปี 2565 จากนั้นต้นปี 2566 จะเป็นการทดสอบการวิ่งและการให้บริการ จึงสรุปได้ว่าหากแผนดังกล่าวเป็นไปตามที่กล่าวมา ชาวจังหวัดภูเก็ตและนักท่องเที่ยวจะได้ใช้บริการขนส่งมวลชนระบบรถไฟฟ้ารางเบาในปี 2566 อย่างแน่นอน
นายนิรันดร์ เกตุแก้ว ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมระบบการขนส่งและจราจรในภูมิภาค กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบรถไฟฟ้ารางเบา ของประเทศไทย ในอดีตคือรถรางในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ในปัจจุบันมีระบบที่ทันสมัยมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นและใช้สำหรับในเมือง ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตมีความพิเศษ คือกำหนดเส้นทางการวิ่ง เพื่อให้บริการพื้นที่ นอกเมืองด้วย
ดังนั้นระบบรถไฟฟ้ารางเบาของจังหวัดภูเก็ตจะทำความเร็วได้และสามารถวิ่งช้าในเมืองได้ รองรับเส้นทางสายหลักของจังหวัดภูเก็ตคือ ถนนทางหลวง 402 ซึ่งจากการสำรวจพบว่าประชาชน 2 ข้างทางมีจำนวนมากเส้นทางการวิ่งของรถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดภูเก็ตผ่านชุมชน และโรงเรียนถึง 40 โรงเรียนนั่นหมายความว่าพี่น้องประชาชนนักเรียนนักศึกษาจะได้ใช้บริการ ระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบาซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวก ให้แก่ประชาชน ในเมือง และจะทำให้รถยนต์ส่วนบุคคลในเมืองลดลง ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวที่ ลงที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต ก็สามารถใช้ระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบาเพื่อเดินทางเข้าไปในเมืองภูเก็ตหรือไปต่อบริการรถ โดยสารสาธารณะเพื่อไปสู่แหล่งท่องเที่ยว อื่นๆได้ และคาดว่าหลังจากระบบรถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดภูเก็ตเปิดให้บริการจะทำให้เกิดความคล่องตัวด้านการจราจรในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จากข้อมูลพบว่าในปัจจุบันประชาชนหันมาให้ความสนใจใช้บริการ รถไฟฟ้ารางเบา หรือ ระบบรางเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นชาวภูเก็ตจะต้องมีการปรับตัว ปรับวิธีการเดินทาง ปรับการอยู่ร่วมกันระหว่างรถขนส่งมวลชน รถไฟฟ้ารางเบากับ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถขนส่งสาธารณะ และคนเดินถนน โดยเฉพาะในเขตเมือง เนื่องจาก พื้นที่ จังหวัดภูเก็ต มีเขตทางที่จำกัด ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่รถไฟฟ้ารางเบาเข้าสู่ตัวเมือง รถยนต์ในพื้นที่ จะช่วยหลีก หยุดหรือชะลอความเร็วเพื่อให้รถไฟฟ้ารางเบาไปก่อนเนื่องจากบรรทุกคนมา 200-300 คน ซึ่งในประเด็นนี้ สนข.จะเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องเพราะจังหวัดภูเก็ตถือเป็นจังหวัดแรกที่มีการนำระบบรถไฟฟ้ารางเบามาให้บริการประชาชน ซึ่งช่วงแรกๆประชาชนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยแต่จะค่อยๆปรับตัวกันไป และสุดท้ายก็จะอยู่ร่วมกันได้ และจะทำให้บ้านเมืองของ จังหวัดภูเก็ต น่าอยู่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามหลังจากนี้รฟม. จะลงมาในพื้นที่อีกครั้งหนึ่งเพื่อมารับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการกำหนดสถานีจุดจอดรถไฟฟ้ารางเบาให้มีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชน
สำหรับรถไฟฟ้ารางเบา มีแผนการก่อสร้างช่วงแรก ระยะทาง 41.70 กิโลเมตร จะเปิดบริการช่วงแรกปลายปี 2565 หรือไม่เกินต้นปี 2566 งบประมาณการดำเนินการ 30,154 ล้านบาท โดยทั้งโครงการจะก่อสร้างระยะทางรวม 58.52 กิโลเมตร เปิดบริการได้ทั้งหมดในปี 2567 รวมงบทั้งโครงการทั้งสิ้น 39,406 ล้านบาท
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต/ข่าว/ภาพ
- Hot Tag :
- News,
- ข่าวทั่วไป
Related content
26 Apr 24
08 Feb 19
08 Feb 19
08 Feb 19
09 Dec 18
09 Dec 18
02 Dec 18
27 Nov 18
กรุณาส่งประวัติส่วนตัวมาที่ [email protected] หากท่านผ่านการพิจารณาเราจะติดต่อไปเพื่อนัดสัมภาษณ์
รับสมัครตำแหน่ง Waiter-Waitress และ Food Runner (Pre-Opening) สามารถส่ง Resume ได้ที่อีเมล : [email protected]
สนใจร่วมงานกับเรา สามารถส่ง Resume มาที่ [email protected] ยินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ
สนใจร่วมมาเป็นส่วนหนึ่งกับเรา ส่ง Resume มาทาง [email protected]
Please send your CV to [email protected]. Tel 076-604010,082-192-3347